กระทรวงเกษตรอินโดนีเซียตั้งเป้าผลักดันประเทศให้เป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลกภายในปี 2568 เพื่อเสริมศักยภาพในการกำหนดราคาสินค้าในตลาดโลก นายซูดาโยโน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ระบุว่า เกษตรกรและผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มต้องตระหนักถึงความสำคัญของพื้นที่เพาะปลูกที่มีบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ต่อเศรษฐกิจประเทศ พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ อินโดนีเซียยังมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันคุณภาพสูง สามารถคัดกรองความเหมาะสมของเมล็ดพันธุ์ก่อนการเพาะปลูก ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันของประเทศให้ได้มาตรฐานระดับสากล ในด้านพลังงานทางเลือก อินโดนีเซียใช้ไบโอดีเซล B50 เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ แม้ตลาดโลกอาจยังไม่ให้ความสนใจมากนัก แต่การใช้ B50 ภายในประเทศช่วยให้สามารถรองรับผลผลิตน้ำมันปาล์มส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลอินโดนีเซียยังได้วางแผนบริหารจัดการปริมาณน้ำมันปาล์มระหว่างการส่งออกและการใช้ภายในประเทศอย่างรอบคอบ
โครงสร้างห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มไทยที่มีความซับซ้อน ทำให้การตรวจสอบย้อนกลับและการปฏิบัติตามกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า (EUDR) ของสหภาพยุโรปเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้น การตรวจสอบย้อนกลับเป็นหนึ่งในข้อกำหนดสำคัญของ EUDR ซึ่งกำหนดให้สินค้าต้องสามารถระบุแหล่งที่มาได้อย่างชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้มาจากพื้นที่ที่มีการตัดไม้ทำลายป่า องค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยปาล์มน้ำมันยั่งยืน (RSPO) เปิดเผยกับ Food Navigator ว่าอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีความก้าวหน้าอย่างมากในการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ อย่างไรก็ตาม โครงสร้างของห่วงโซ่อุปทานปาล์มน้ำมันไทยที่ประกอบด้วยผู้ผลิตรายย่อยจำนวนมาก ส่งผลให้การตรวจสอบย้อนกลับและการปฏิบัติตามข้อกำหนดยากกว่าประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อื่น ๆ เกษตรกรรายย่อยถือครองตลาดเป็นส่วนใหญ่
เทคโนโลยีการกำจัดยางเหนียวจากน้ำมันจากเนื้อปาล์ม (DPMO) กำลังปฏิวัติวงการน้ำมันปาล์ม ด้วยกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประสิทธิภาพสูง และสร้างผลกำไรได้มากกว่าการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) แบบเดิม นายซาฮัต ซินากา ผู้อำนวยการสมาคมโรงกลั่นน้ำมันพืชอินโดนีเซีย (GIMNI) กล่าวว่า “เทคโนโลยีใหม่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในกระบวนการผลิตน้ำมันปาล์ม เดิมทีอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันใช้กระบวนการสกัดน้ำมันปาล์มดิบแบบการอบทะลายปาล์มด้วยไอน้ำที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสูง แต่ได้พัฒนากระบวนการผลิตแบบใหม่เป็นแบบแห้ง โดยใช้เทคนิคการพาสเจอร์ไรซ์ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนน้อยกว่า” “จากข้อสังเกตนี้จึงเสนอให้ใช้วิธีการผลิตแบบแห้งในการแปรรูปทะลายปาล์มสด (FFB) ด้วยเทคโนโลยีการกำจัดยางเหนียวจากน้ำมันจากเนื้อปาล์มแทนการผลิตน้ำมันปาล์มดิบแบบเดิม