World News

ไนจีเรียตั้งเป้าปลดล็อกศักยภาพการส่งออกน้ำมันปาล์มมูลค่าหมื่นล้านดอลลาร์

ไนจีเรียกำลังเร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มเพื่อปลดล็อกศักยภาพการส่งออกที่มีมูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ แม้เคยเป็นผู้ผลิตรายสำคัญของโลก แต่ปัจจุบันไนจีเรียอยู่ในอันดับที่ 78 ของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันปาล์ม โดยมีมูลค่าการส่งออกเพียง 1.34 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ต้องนำเข้าในปริมาณมากถึง 372 ล้านดอลลาร์ต่อปี

บริษัทวิจัย Vestance ได้เผยแพร่รายงาน “ยุคแห่งการฟื้นฟูและการกลับมาของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มไนจีเรีย” เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ณ เมืองลากอส ระบุถึงโอกาสมหาศาลที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาในภาคอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศ โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการฟื้นฟูพื้นที่เพาะปลูกที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มศักยภาพการส่งออก

นายราซัค ฟาไต หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Vestance กล่าวว่า “อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของไนจีเรียประสบภาวะถดถอยมาตั้งแต่สงครามกลางเมือง (พ.ศ. 2510-2513) และถึงเวลาแล้วที่จะต้องเร่งฟื้นฟู “หากไนจีเรียสามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งเพาะปลูกที่มีอยู่ให้เต็มที่ เราจะสามารถสร้างรายได้จากการส่งออกมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์” เขากล่าว

ในการเผยแพร่รายงาน มีผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมได้เสนอแนวทางสำคัญเพื่อกระตุ้นการเติบโตของภาคส่วนนี้ โดยดร. อเดวาเล โอนาเดโก กรรมการผู้จัดการ SWAgCo (O’dua Investment Group) ได้เสนอให้ไนจีเรียใช้กลยุทธ์ การเกษตรแบบคลัสเตอร์ (Agro-Industrial Cluster) ซึ่งเป็นแนวทางที่รวมโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย บริการส่งเสริมการเกษตร การแปรรูป และการจัดเก็บ “รูปแบบนี้ถูกนำไปใช้โดยบริษัทชั้นนำอย่าง Presco และ Okomu ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ” เขากล่าว

ดร. บาโย โอกุนนียี ผู้วิเคราะห์โครงการของกองทุนระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาเกษตรกรรม (IFAD) เน้นย้ำถึงความท้าทายที่เกษตรกรรายย่อยต้องเผชิญ โดยเฉพาะการขาดแคลนเงินทุนและการใช้พันธุ์ปาล์มเก่าที่ให้ผลผลิตต่ำ แนะให้รัฐบาลเร่งกระจายเมล็ดพันธุ์คุณภาพสูงเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิต นอกจากนี้ยังระบุว่าอัตราการสกัดน้ำมันของผู้ผลิตรายย่อยอยู่ที่เพียง 15% ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานของโรงงานสมัยใหม่ที่สามารถสกัดได้ถึง 25%

ด้านนายแรมเซส นาเจม ประธานกรรมการบริหารของ BulkDirect ได้เน้นถึงความสำคัญของการตั้งโรงงานแปรรูปใกล้กับแหล่งเพาะปลูกเพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ “เราต้องสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยด้วยเงินทุน โรงงานแปรรูปที่ทันสมัย และบริการส่งเสริมการเกษตร หากต้องการให้ไนจีเรียพึ่งพาตนเองและก้าวไปสู่การเป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์ม” เขากล่าว

ผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมงานต่างเห็นพ้องว่าการปรับใช้เมล็ดพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการแปรรูป และการพัฒนาระบบขนส่งเชิงกลยุทธ์เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม

นายริลด์วาน เบลโล ผู้จัดการโครงการของ Vestance กล่าวเสริมว่า “เรามุ่งมั่นที่จะช่วยขับเคลื่อนภาคเกษตรกรรมของแอฟริกาไปข้างหน้า ผ่านงานวิจัยเชิงลึก เช่น รายงาน Palm Oil Report เราให้ข้อมูลเชิงกลยุทธ์ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้มีส่วนได้เสีย ตั้งแต่หน่วยงานรัฐบาล นักลงทุนภาคเอกชน เกษตรกรรายย่อย สถาบันวิจัย ไปจนถึงองค์กรพัฒนาเอกชน เพื่อร่วมกันฟื้นฟูอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของไนจีเรียให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *